พลังชีวิตกับสุขภาพ – บทที่ 1: รู้จักและเข้าใจพลังชีวิต


บทความ: พลังชีวิตกับสุขภาพ

ดาวน์โหลด PDF

————————————————————————————————

ต้นกำเนิดของจักรวาล แม่ของสรรพสิ่ง
รู้จักแม่ ก็รู้จักลูก … รู้จักลูก ไม่ทิ้งแม่
– เต๋า เต็ก เก็ง –

ก่อนอื่นเราควรมาทำความรู้จักและเข้าใจกับคำว่า ?พลังชีวิต? ที่เรียกกันในภาษาจีนกลางว่า ?ชี่? ภาษาจีนแต้จิ๋วจะออกเสียงว่า ?ขี่? และหมายถึงสิ่งเดียวกับที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ?กิ? (Ki) หรือคำว่า ?ปราณ? (Prana) ในภาษาสันสกฤต หรือ ?นูมา? (Pneuma) ในภาษากรีก พลังชีวิตในความหมายนี้ หมายถึงพลังธรรมชาติที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งในร่างกายมนุษย์และทุกสรรพสิ่งในจักรวาล คนโบราณมองว่าทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนมีชีวิตและมี ?ชี่? หรือ ?ปราณ? ของตัวเอง แม้แต่วัตถุธาตุต่างๆ ที่เราจัดว่าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ในนัยยะนี้ก็ถือว่าล้วนมีชีวิตและมี ?ชี่? ไหลเวียนอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น รวมถึงดวงดาวทั้งหลาย ภูเขา ก้อนหิน แม่น้ำ ก้อนเมฆ วัตถุสิ่งของต่างๆ ตลอดจนอะตอมทุกอะตอม และแน่นอนว่าต้องรวมถึงมนุษย์ทุกคน สัตว์ทุกตัว และพืชทุกชนิดด้วย

พลังชีวิต หรือ พลังชี่ คือพลังงานรอบๆ ตัวเราที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สุดในการก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างและรักษาความมีอยู่ของทุกสรรพสิ่ง ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลจะมีการถ่ายโอนแลกเปลี่ยนชี่ระหว่างกันอยู่เสมอ ดังที่คัมภีร์อี้จิงเก่าแก่ของจีน (1122 ปีก่อนคริสต์กาล) กล่าวไว้ว่า สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรไม่เชื่อมโยงกัน และไม่มีอะไรไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน การเปลี่ยนแปลงของชี่ก่อให้เกิดสรรพสิ่งในจักรวาลและปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลาย ฤดูกาลต่างๆ ก็เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของชี่

วิทยาศาสตร์ปัจจุบันได้พยายามศึกษาชี่ และพบว่า ?ชี่? มีรูปแบบเป็นพลังงานหลายลักษณะ ที่พบมากคือมีคุณสมบัติเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า บางส่วนเป็นคลื่นรังสีความร้อนหรืออินฟราเรดและประจุไฟฟ้า (electrostatic charge) และยังเป็นพลังงานที่มองไม่เห็นอีกหลายรูปแบบในช่วงคลื่นที่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังตรวจจับไม่ได้ แต่มีหลักฐานข้างเคียงที่บ่งชี้ชัดว่ามีคลื่นเหล่านี้อยู่จริง

ช่วงความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เครื่องมือปัจจุบันสามารถวัดได้ มนุษย์ทุกคนมีพลังชีวิตหรือชี่อยู่ในตัว แต่จะมีปริมาณมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกายและจิตใจ ผู้ที่เจ็บป่วยย่อมมีพลังชีวิตน้อยกว่าผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ในวิชาชี่กงของจีนและโยคะศาสตร์ของอินเดีย ต่างเชื่อว่าพลังทางกายภาพ พลังจิต และพลังความคิด ล้วนก่อเกิดจากพลังชี่หรือพลังปราณทั้งสิ้น ดังนั้นหากเราสามารถฝึกชี่ให้มีประสิทธิภาพ ร่างกายก็จะแข็งแรง หากสามารถปรับชี่ให้มีพละกำลัง จิตใจก็จะเข้มแข็ง และหากสามารถบ่มเพาะให้ชี่ไปบำรุงสมองได้เต็มที่ ปัญญาความคิดก็จะเฉียบคม

มนุษย์ทุกคนมีพลังชีวิตหรือชี่อยู่ในตัว แต่จะมีปริมาณมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกายและจิตใจ ผู้ที่เจ็บป่วยย่อมมีพลังชีวิตน้อยกว่าผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ในวิชาชี่กงของจีนและโยคะศาสตร์ของอินเดีย ต่างเชื่อว่าพลังทางกายภาพ พลังจิต และพลังความคิด ล้วนก่อเกิดจากพลังชี่หรือพลังปราณทั้งสิ้น ดังนั้นหากเราสามารถฝึกชี่ให้มีประสิทธิภาพ ร่างกายก็จะแข็งแรง หากสามารถปรับชี่ให้มีพละกำลัง จิตใจก็จะเข้มแข็ง และหากสามารถบ่มเพาะให้ชี่ไปบำรุงสมองได้เต็มที่ ปัญญาความคิดก็จะเฉียบคม

การบ่มเพาะพลังชีวิต หรือการฝึกชี่ ซึ่งเรามักคุ้นกว่าในชื่อว่า ?ชี่กง? ก็คือการฝึกฝนกายและใจเพื่อเพิ่มพูนกำลังของชี่ โดยการปรับท่วงท่า ฝึกการหายใจ และการรวมศูนย์ความนึกคิด เพื่อทำให้ชี่ภายในร่างกายได้แลกเปลี่ยนกับชี่ในธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ รวมไปถึงจิตวิญญาณ คำว่า ?ชี่กง? มาจากการรวมคำในภาษาจีนสองคำ คือ คำว่า ?ชี่? ซึ่งหมายถึงพลังชีวิตที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์และทุกสรรพสิ่งในจักรวาลตามที่ได้กล่าวมาแล้ว และคำว่า ?กง? ที่หมายถึงทักษะ แรงการกระทำ หรือการปฏิบัติเพื่อให้ได้ผล เมื่อรวมสองคำนี้จึงได้ความหมายว่า การฝึกฝนฝึกฝนปฏิบัติเพื่อให้ได้ชี่ หรือเพื่อเพิ่มพูนพลังชีวิตขึ้นในร่างกาย ส่งผลให้ผู้ฝึกมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ขึ้น และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงถือว่า ชี่กง เป็นวิชาที่สามารถช่วยเรารักษาโรคที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วยตัวของเราเอง

ประเภทของพลังชีวิต

?คัมภีร์อี้จิง? ของจีนแต่โบราณกล่าวไว้ว่า มนุษย์เราสัมพันธ์กับพลังชีวิตหรือพลังชี่ 3 ประเภท คือ

  1. พลังชีวิตจากฟ้า (ชี่ฟ้า หรือ ชี่สวรรค์) คือพลังธรรมชาติที่อยู่ในท้องฟ้าและจักรวาล รวมถึงพลังจากดวงอาทิตย์ แรงดึงดูดจากดวงจันทร์และดวงดาว พลังที่เกิดจากลม พายุ สายฝน ก้อนเมฆ และอากาศ
  2. พลังชีวิตจากดิน (ชี่ดิน หรือ ชี่ของโลก) คือพลังธรรมชาติที่อยู่บนโลก ทั้งบนดินและใต้ดิน รวมถึงก้อนหิน ดิน ทราย แร่ธาตุ สายน้ำ ต้นไม้ และสัตว์ต่างๆ
  3. พลังชีวิตของมนุษย์ ที่จริงชี่ของคนก็จัดเป็นชี่ของโลกเช่นเดียวกับชี่ของสัตว์และต้นไม้ แต่เพราะมนุษย์เห็นว่าตนเองแตกต่างจากสัตว์และพืช จึงได้แยกตัวเองออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพื่อสามารถศึกษาค้นคว้าให้เกิดความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและการบำบัดรักษาตัวเอง

พลังชี่ทั้ง 3 ประเภทนี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงซึ่งกันอย่างแยกขาดจากกันไม่ออก และทำปฏิกริยาต่อกันอยู่ตลอดเวลา เป็นไปตามหลักการในคัมภีร์อี้จิงที่ว่า ไม่มีสิ่งใดในจักรวาลนี้สามารถแยกขาดเป็นปัจเจกอย่างสมบูรณ์โดยไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเลย และ ไม่มีชี่ของสิ่งใดไม่เคลื่อนไหวแลกเปลี่ยนกับชี่ของสิ่งอื่น โดยธรรมชาติแล้ว ถ้าชี่ของสิ่งหนึ่งสมดุล ก็จะทำให้ชี่ของสิ่งอื่นๆ ดีไปด้วย ถ้าชี่ของสิ่งหนึ่งไม่สมดุล ก็จะส่งผลต่อชี่ของสิ่งอื่นๆ เพราะมันจะต้องปรับสร้างสมดุลของตัวเองใหม่ โดยไปดึงชี่จากสิ่งต่างๆ รอบตัวมาทดแทน ซึ่งจะทำให้มีการดึงชี่ทดแทนต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเกิดสมดุลของทั้งระบบขึ้นใหม่ ด้วยเหตุนี้ ถ้าสรรรพสิ่งมีความสมดุล จะหมายถึงผู้คนจะไม่เจ็บป่วย พืชพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยจะเจริญงอกงาม ฝนฟ้าจะตกตามฤดูกาล ทุกสรรพสิ่งจะเป็นไปตามที่ควรจะเป็นตามวัฏจักรของธรรมชาติ

ดังนั้น ความมีสุขภาพดีของทุกสิ่งในจักรวาล จึงขึ้นอยู่กับความสมดุล ความผสมผสานกลมกลืน และการแลกเปลี่ยนกันอย่างพอดี ระหว่างชี่ของตัวเอง (ชี่ภายใน) กับชี่ของสิ่งแวดล้อม (ชี่ภายนอก)

รวบรวมและเรียบเรียง – ทัศนีย์ เศรษฐ์บุญสร้าง
tatsanee@NawaChiOne.org
? สงวนลิขสิทธิ์

กลับสู่ด้านบน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *